รวมรูปขนมไทย
ขนมไทย 4 ภาค
วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2558
วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
ขนมไทยภาคอีสาน
ภาคอีสาน
https://sites.google.com/site/noonoknoitisa/khnm-thiy-phakh-xisan
https://sites.google.com/site/noonoknoitisa/khnm-thiy-phakh-xisan
ขั้นตอนและวิธีการทำข้าวต้มมัด
ส่วนผสม
- ข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม แช่ในน้ำอย่างน้อย 3 ชม.
ล้างน้ำให้สะอาด
- หัวกะทิ 3 ถ้วยตวง
- เกลือ 3 ช้อนโต๊ะ
- กล้วยน้ำว้า 15 ลูก ผ่าตามยาวครึ่งลูก
- ถั่วดำหรือถั่วขาว 3 ขีด นำถั่วไปต้มพอสุกแล้วตักวางใส่กระชอนวางให้สะเด็ดน้ำ
- หัวกะทิ 3 ถ้วยตวง
- เกลือ 3 ช้อนโต๊ะ
- กล้วยน้ำว้า 15 ลูก ผ่าตามยาวครึ่งลูก
- ถั่วดำหรือถั่วขาว 3 ขีด นำถั่วไปต้มพอสุกแล้วตักวางใส่กระชอนวางให้สะเด็ดน้ำ
วิธีทำ
- นำข้าวเหนียวที่ล้างน้ำสะอาดแล้วใส่กระทะ พักไว้
- ผสมหัวกะทิ กับเกลือ ให้เข้ากัน แล้วชิมดู ถ้าไม่เค็มให้เติมให้มีรสเค็ม
- นำกะทิที่ได้รสเค็มเทใส่ข้าวเหนียว แล้วใส่ถั่วขาวหรือถั่วดำที่ต้มแล้วลงไป แล้วนำไป
- นำข้าวเหนียวที่ล้างน้ำสะอาดแล้วใส่กระทะ พักไว้
- ผสมหัวกะทิ กับเกลือ ให้เข้ากัน แล้วชิมดู ถ้าไม่เค็มให้เติมให้มีรสเค็ม
- นำกะทิที่ได้รสเค็มเทใส่ข้าวเหนียว แล้วใส่ถั่วขาวหรือถั่วดำที่ต้มแล้วลงไป แล้วนำไป
ตั้งไฟแล้วผัด
- ผัดจนกว่ากะทิแห้ง แล้วยกลงจากเตา
- วางใบตอบ 2 ขนาดซ้อนกัน หยิบข้าวเหนียวที่ผัดได้ที่แล้ววางบนใบตอง
- เอากล้วยที่ผ่าซีกวางลงไป แล้วหยิบข้าวเหนียวมาวางปิดกล้วยให้มิด บางๆ
- ห่อข้าวต้มให้สวยงาม แล้ววางไว้ก่อน หรือห่อไปเรื่อยๆ จนหมด
- นำข้าวต้มที่ห่อเรียบร้อยแล้วมาจับคู่ หันหน้าเข้าหากันแล้วมัดรวมกัน หัวท้าย (ดูในรูปเอานะคะ)
- นำข้าวต้มที่มัดเป็นคู่แล้วไปนึ่ง 45 นาที หรือ จนข้าวเหนียวสุก แค่นี้ก็เสร็จขั้นตอนนำมาทานได้แล้วค่ะ อ๊ะ แต่ต้องรอให้เย็นก่อนนะคะ ไม่งั้นปากจะพองได้
ขั้นตอนและวิธีการทำข้าวจี่
วิธีทำ
1. นึ่งข้าวเหนียว
2.ปั้นข้าวเหนียว
3ปรุงไข่ที่เราเตรียมไว้
4 นำข้าวที่เราเตรียมไว้มาชุบกับไข่
5. นำข้าวไปจี่ให้ไข่สุก
2.ปั้นข้าวเหนียว
3ปรุงไข่ที่เราเตรียมไว้
4 นำข้าวที่เราเตรียมไว้มาชุบกับไข่
5. นำข้าวไปจี่ให้ไข่สุก
6.วางทับอีกที แล้วกดให้แป้งกระจายออกเป็นแผ่น วงกลม
7.นำแป้งที่กดเป็นวงกลมวางบนเสื่อที่ทำความสะอาดแล้ว
8.ทำแบบนี้เรื่อยๆจนแป้งหมด
9.แล้วนำข้าวโป่งที่ทำเสร็จมาผึ่งแดดไว้ประมาณ3-4วันแล้วเก็บใส่กล่องปิดฝาให้สนิท
10.นำไปย่างไฟให้พองขึ้นพอเหลืองก็สามารถรับประทานได้
ขนมไทยภาคเหนือ
ขนมไทยภาคเหนือ
ส่วนใหญ่จะทำจาก
ข้าวเหนียว และส่วนใหญ่จะใช้วิธีการต้ม เช่น ขนมเทียน ขนมวง ข้าวต้มหัวหงอก
มักทำกันในเทศกาลสำคัญ เช่นเข้าพรรษา สงกรานต์
ขนมที่นิยมทำในงานบุญ
เกือบทุกเทศกาลคือขนมใส่ไส้หรือขนมจ๊อก ขนมที่หาซื้อได้ทั่วไปคือ
ขนมปาดซึ่งคล้ายขนมศิลาอ่อน ข้าวอีตูหรือข้าวเหนียวแดง ข้าวแตนหรือข้าวแต๋น
ขนมเกลือ ขนมที่มีรับประทานเฉพาะฤดูหนาว ได้แก่ ข้าวหนุกงา
ซึ่งเป็นงาคั่วตำกับข้าวเหนียว ถ้าใส่น้ำอ้อยด้วยเรียกงาตำอ้อย
ข้าวแคบหรือข้าวเกรียบว่าว ลูกก่อ ถั่วแปะยี
ถั่วแระ ลูกลานต้มในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ขนมพื้นบ้านได้แก่ ขนมอาละหว่า ซึ่งคล้ายขนมหม้อแกง ขนมเปงม้ง ซึ่งคล้ายขนมอาละหว่าแต่มีการหมักแป้งให้ฟูก่อน ขนมส่วยทะมิน ทำจากข้าวเหนียวนึ่ง
น้ำตาลอ้อยและกะทิ ในช่วงที่มีน้ำตาลอ้อยมากจะนิยมทำขนมอีก 2 ชนิดคือ งาโบ๋ ทำจากน้ำตาลอ้อยเคี่ยวให้เหนียวคล้ายตังเมแล้วคลุกงา
กับ แปโหย่ ทำจากน้ำตาลอ้อยและถั่วแปยี
มีลักษณะคล้ายถั่วตัด
ขั้นตอนและวิธีการทำขนมเทียน
ส่วนผสม
-แป้งข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม
-น้ำตาลโตนด 2 ถ้วยตวง (สำหรับทำตัวแป้ง)
-น้ำตาลโตนด 1 1/2 ถ้วยตวง (สำหรับทำไส้)
-ถั่วเขียวกะเทาะเปลือกนึ่ง 2 ถ้วยตวง
-น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
-พริกไทย 1 ช้อนชา
-น้ำมัน 3 ช้อนโต๊ะ
-มะพร้าวขูด 2 ถ้วยตวง
-เกลือป่น 1 1/2 ช้อนชา
ขั้นตอนการทำ
1. เริ่มจากทำตัวแป้งก่อนโดย นำน้ำตาลโตนดไปเคี่ยวจนเหนียวแล้วจึงนำไปนวดกับแป้งข้าวเหนียวจนเข้ากันดี
2. เตรียมทำไส้หวาน โดยนำน้ำตาลโตนดเคี่ยวกับมะพร้าวจนแห้งจึงปิดไฟ ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วปั้นเป็นก้อนกลมๆ สำหรับไส้เค็ม ให้นำน้ำมันใส่กระทะไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง จากนั้นใส่ถั่วนึ่ง, พริกไทย, เกลือและน้ำตาลทราย ผัดจนหอมและส่วนผสมเข้ากันทั่วจึงปิดไฟ และทิ้งไว้ให้เย็น
3. ห่อขนมโดยตัดใบตองเป็นแผ่นๆ
เช็ดให้สะอาดและทาด้วยน้ำมันนิดหน่อย ตักแป้งใส่แล้วห่อไส้เค็มหรือไส้หวานตามชอบ
จากนั้นนำแป้งอีก ก้อนวางลงบนไส้ ห่อให้เป็นรูปสามเหลี่ยม
นำไปนึ่งประมาณ 30 นาทีจนสุกดี
ขั้นและวิธีการทำข้าวต้มหัวหงอก
ส่วนผสม
- ได้แก่ ข้าวเหนียว ๑ ลิตร กล้วยน้ำว้า ๑๐ ผล มะพร้าวขูดขาว ๑/๒ กิโลกรัม น้ำตาลทราย ๑/๒ กิโลกรัม เกลือป่น ๑ ช้อนโต๊ะ และใบตองสำหรับห่อ ตองสำหรับมัด
วิธีทำ
-นำ ข้าวเหนียวมาซาวน้ำ ๒ ครั้ง ฉีกใบตองกว้างพอประมาณ เช็ดให้สะอาดเตรียมไว้ กล้วยน้ำว้าปอกเปือก ผ่าซีก ตักข้าวเหนียวที่เตรียมไว้ใส่ใบตองเล็กน้อย แล้ววางกล้วยน้ำว้าที่ผ่าไว้ ๑ ซีก ตักข้าวเหนียวใส่ลงบนกล้วย เกลี่ยข้าวหุ้มกล้วยให้มิด พับใบตองเป็นรูปให้มัดได้ จากนั้นนำข้าวต้ม ๔-๕ ห่อ มารวมกัน แล้วมัดด้วยตอกหัวท้าย ใส่มัดข้าวต้มลงในหม้อ ตั้งไฟร้อน ต้มไปจนข้าวต้มสุกยกลงในการต้มข้าวนี้ บางคนจะเอาใบตองมาห่อและมัดเลียนแบบมัดข้าวต้มจริง ๆ เรียกว่า ชู้เข้าหนม (อ่าน จู้เข้าหนม) ใส่บนมัดข้าวต้มในไห เชื่อว่าจะทำให้ขนมหรือข้าวต้มสุกทั่ว
การรับประทานข้าวต้มหัวหงอก จะแกะข้าวต้มตัดเป็นท่อน ๆ ตามขวาง โรยด้วยมะพร้าวขูด ผสมน้ำตาลและเกลือป่นมากน้อยตามชอบ
ขนมไทยภาคกลาง
ขนมไทยภาคกลาง
|
|
วิธีทำขนมไทย
ทีละขั้นตอน
|
1. นำข้าวเหนียวไปล้างทำความสะอาดและแช่น้ำทิ้งไว้
1 คืน จากนั้นนำไปสะเด็ดน้ำ
(กรณีต้องการทำข้าวเหนียวที่มีสีต่างๆ ก็ให้ใส่สีลงไปในน้ำที่แช่ค้างคืนไว้ด้วย)
2. นำผ้าขาวบางรองไว้ในซึ้งหรือหม้อนึ่ง
แล้วจึงนำข้างเหนียววางลงบนผ้าขาวบาง จากนั้นนำไปนึ่งจนข้าวเหนียวสุก
3. ในหม้อขนาดเล็ก
ใส่น้ำตาล, เกลือป่น (3/4 ช้อนชา)
และหัวกะทิ และนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี
จากนั้นจึงใส่ใบเตยลงไป ทิ้งไว้สักพักจึงปิดไฟ
4. ในชามขนาดกลาง
ใส่ข้าวเหนียวที่นึ่งไว้จนสุกดีแล้วลงไป
จากนั้นจึงใส่น้ำกะทิที่เคี่ยวไว้ในขั้นตอนที่สามตามลงไป คนจนส่วนผสมเข้ากันทั่ว
และทิ้งไว้อย่างน้อย 15 นาที ก็สามารถนำไปเสริฟได้
(เวลาเสริฟอาจโรยหน้าด้วยถั่วทอง)
2. วุ้นกะทิ
คุณลักษณะ
วุ้นเป็นขนมไทยที่หารับประทานง่าย ราคาไม่แพวง สามารถปรับปรุงแต่งรสชาติเช่น วุ้นกาแฟ
วุ้นสังขยา วุ้นกะทิ เป็นต้น
ขนมหม้อแกง
· สูตรขนมหม้อแกงการทำขนมหม้อแกงพร้อมเคล็ดลับความอร่อย
การทำขนมหม้อแกงไข่เป็นอาชีพเสริมที่น่าสนใจ
เนื่องจากขนมหม้อแกงไข่หาทานยากเพราะวัตถุดิบมีราคาแพงจึงทำให้มีการปรับปรุงสูตรขนมหม้อแกงให้มีความหลากหลายมากขึ้น
เช่นทำเป็นขนมหม้อแกงเผือก ขนมหม้อแกงถั่ว มีการแต่งหน้าด้วยเม็ดบัวซึ่งจากเดิมใช้เพียงหอมเจียวโรยหน้าขนมเท่านั้น
การปรับปรุงสูตรขนมหม้อแกงนอกจากทำให้มีต้นทุนที่ต่ำลงแล้วยังทำให้ขนมหม้อแกงมีรสชาติที่กลมกล่อมยิ่งขึ้น
สำหรับสูตรและวิธีทำขนมหม้อแกงไข่มีขั้นตอนและรายละเอียดดังนี้
ส่วนประกอบและวิธีทำขนมหม้อแกงไข่ ส่วนประกอบ 1.ไข่เป็ด 10 ฟอง 2.หัวกะทิ 2½ ถ้วยตวง 3.น้ำตาลทราย ½ ถ้วยตวง 4.น้ำตาลปีบ 1 ½ ถ้วยตวง 5.ใบเตย 3 ใบ 6.หัวหอมเจียว 1 ถ้วยตวง 7.แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง
วิธีทำขนมหม้อแกง
1.ต่อยไข่เป็ดทั้ง 10 ฟองใส่ในภาชนะเติมน้ำตาลทราย น้ำตาลปีบ ขยำด้วยใบเตยให้ส่วนผสมเข้า กัน 2.ละลายแป้งสาลีกับน้ำกะทิ 2 ถ้วย จากนั้นเทรวมกับไข่และส่วนผสมที่เตรียมไว้ ตีส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง 3.กรองส่วนผสมในข้อ 2 ด้วยผ้าขาวบาง
4.ตักส่วนผสมใส่ลงในพิมพ์หรือถาดจนหมด
จากนั้นเทหัวกะทิลงในพิมพ์หรือถาดแต่ละอัน
5.นำขนมเข้าไปอบอุณหภูมิที่ 200 เซลเซียส ใช้เวลาประมาณ 30 นาที 6.เมื่ออบจนสุกแล้วนำขนมออกมาโรยด้วยหอมเจียว |
http://kanomthaionline.exteen.com/20110913/entry-1
ขนมไทยภาคใต้
ขนมกวนขาว ขนมพื้นเมืองดั้งเดิมของชาวนครศรีธรรมราช
คล้ายขนมเปียกปูนขาว นวดแป้งให้เข้ากับน้ำปูนใสแล้วนำไปเคี่ยวกับกะทิขนข้นเหนียวราดหน้าด้วยกะทิเคี่ยวกับน้ำตาลและเกลือ แล้วโรยหน้าด้วยถั่วทองคั่ว

ขนมหน้าไข่
ส่วนผสมหลัก ๆ
ก็มี… ไข่ไก่, น้ำตาลทราย, แป้งสาลี, นมสด,
น้ำสะอาด, น้ำมันพืชหรือเนยขาว, ลูกเกด ซึ่งหากยึดที่การใช้แป้งสาลี 1 กิโลกรัม
จะต้องใช้น้ำตาลทราย 1.2 กิโล กรัม, ไข่ไก่
20 ฟอง, นมสด 1 กระป๋อง,
น้ำสะอาด, น้ำมันพืชหรือเนยขาว และลูกเกด ซึ่ง
3 อย่างหลังก็ใช้พอเหมาะพอสม
ขั้นตอนการทำ “ขนมไข่”
เริ่มจากนำแป้งสาลีมาร่อน 3 ครั้ง แล้วพักไว้ เพื่อให้แป้งเบาตัว จากนั้นหันไปนำไข่ไก่มาตอกใส่อ่างผสม
ตีไข่ ให้ขึ้นฟู แล้วเติมน้ำตาลทรายทีละน้อยจนหมด ตีต่อไปจนส่วนผสมมี
ลักษณะที่เรียกว่าตั้งยอดอ่อน ๆ ซึ่งขั้นตอนนี้ใช้เวลาทำนานประมาณ 1 ชั่วโมง
แต่ตรงนี้มี “เคล็ดลับ” คือ…การตีไข่กับส่วนผสมนั้น ถ้าเป็นไปได้ควรใช้ “เครื่องตีเค้ก” เพราะจะเร็วขึ้น
ตีแล้วส่วนผสมจะขึ้นดี และทำให้ “ขนมไข่” นุ่มกว่าการตีด้วยมืออีกด้วย
ลำดับต่อไป นำแป้งสาลีที่เตรียมไว้มาค่อย ๆ
ตะล่อมใส่ผสมลงไปในอ่างผสมที่มีส่วนผสมของไข่กับน้ำตาลอยู่
ใส่แป้งสลับกับนมสดจนหมด แล้วเคล้าเบา ๆ ให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี ตั้งพักไว้
ล้างพิมพ์ขนมไข่ (มีหลายแบบ) ให้สะอาด เช็ดด้วยน้ำมันพืชให้ทั่ว
นำไปผิงไฟ โดยใช้เตาถ่านซึ่งคุแดง เกลี่ยพอประมาณ และวางถ่านด้านบนของฝาพิมพ์ด้วย
โดยเมื่อเตาร้อนดีแล้ว ใช้ลูกประคบเล็ก ๆ
ชุบน้ำมันหรือเนยขาวเช็ดให้ทั่วบริเวณหลุมหรือเบ้าสำหรับหยอดแป้งขนมใน พิมพ์
ก่อนจะหยอดแป้ง หยิบลูกเกด 2-3 เม็ดใส่ลงไปก่อน
แล้วจึงใช้ช้อนตักแป้งหยอดเต็มเบ้าพิมพ์
ขั้นตอนนี้ต้องระวังการใช้ไฟ
เพราะขนมอาจไหม้ได้ !!
ถ้าใช้ไฟกำลังดี ใช้เวลากำลังดี ก็จะได้ขนมไข่ที่สุกกำลังดี
โดยให้คอยสังเกตว่าขนมสุกเหลืองดีแล้วก็ใช้ไม้แหลมจิ้มขนมไข่
หรือใช้ส้อมแซะขนมไข่ออกจากเบ้าพิมพ์ ซึ่งขนมไข่ที่ดีมีคุณภาพนั้น
ต้องมีสีเหลืองน่ารับประทาน มีกลิ่นหอม มีความกรอบนอกนุ่มใน และอร่อยกำลังดี
ขนมกอแหละ
เครื่องปรุงและวิธีทำ นำข้าวเหนียว ๑ ลิตร ล้างน้ำให้สะอาดประมาณ ๒ ครั้ง
แล้วแช่ข้าวเหนียวไว้ประมาณ ๒-๓ ชั่วโมง นำข้าวเหนียวที่แช่น้ำไว้ไปโม่
เทแป้งข้าวเหนียวที่โม่เสร็จแล้วลงในกะทะทองเหลือง ใส่น้ำตาลทรายประมาณ ๑-๑.๕
กิโลกรัม ยกกระทะตั้งบนเตาไฟ ใช้ไม้พายกวนแป้งกับน้ำตาลไปเรื่อยๆ จนแห้งและเหนียว
ยกเทใส่ถาดกระจายให้แป้งเต็มถาด วางไว้ให้เย็น เคี่ยวน้ำกะทิข้นๆ ประมาณ ๑ ถ้วย
จนกะทิเป็นน้ำมัน และมีขี้มันเป็นสีแดงเข้ม ตักใส่ถ้วยไว้ ใช้มีดตัดขนมเป็นชิ้นๆ
ขนาดเท่ากับขนมเปียกปูน แล้วตักน้ำมันและขี้มันราดลงเป็นขนมแต่ละชิ้น
เสร็จแล้วนำไปรับประทานได้
ขนมกอและห์ เป็นขนมหวานที่มีรสหวาน เหนียวนุ่มอร่อย มักนิยมทำรับประทานกันในบ้านหรือทำเลี้ยงในงานกิจกรรมต่างๆ ของหมู่บ้าน นอกจากนั้นยังทำขายอยู่ทั่วไปในตลาดยะลา
ประโยชน์ ๑. เป็นอาหารหวานใช้รับประทานได้
๒. เป็นอาหารที่ให้สารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรท
๓. ในสังคมพื้นบ้านนิยมกวนขนมกอและห์แจกจ่าย แลกเปลี่ยนกันเป็นการสื่อความสัมพันธ์ในชุมชน
http://kanomthaisipak.blogspot.com/
ขนมกอและห์ เป็นขนมหวานที่มีรสหวาน เหนียวนุ่มอร่อย มักนิยมทำรับประทานกันในบ้านหรือทำเลี้ยงในงานกิจกรรมต่างๆ ของหมู่บ้าน นอกจากนั้นยังทำขายอยู่ทั่วไปในตลาดยะลา
ประโยชน์ ๑. เป็นอาหารหวานใช้รับประทานได้
๒. เป็นอาหารที่ให้สารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรท
๓. ในสังคมพื้นบ้านนิยมกวนขนมกอและห์แจกจ่าย แลกเปลี่ยนกันเป็นการสื่อความสัมพันธ์ในชุมชน
http://kanomthaisipak.blogspot.com/
ความสำคํญของขนมไทย
ขนมไทยหัตถกรรมความอร่อยที่แสดงออกถึงความอ่อนช้อยของความเป็นไทยตั้งแต่ครั้งอดีตกาลที่ก่อกำเนิดภูมิปัญญาไทยหลากหลายอย่างให้
สืบสานต่อทั้งวิถีชีวิตประเพณีวัฒนธรรมที่สามารถนำวัสดุมีอยู่ในท้องถิ่นมาปรุงแต่งเป็นของหวานได้มากหลายรูปแบบจัดเป็นมรดกทางวัฒน
ธรรมอย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่าคนไทยมีลักษณะนิสัยอย่างไรเพราะขนมแต่ละชนิดล้วนมีเสน่ห์แสดงให้เห็นถึงความละเอียดอ่อน
ประณีตวิจิตรบรรจง
ในรูปลักษณ์ตั้งแต่วัตถุดิบที่ใช้วิธีการทำที่กลมกลืนความพิถีพิถันสีที่ให้ความสวยงามมีกลิ่นหอมรสชาติของขนมที่ละเมียดละไมชวนให้รับ
ประทานแสดงให้เห็นว่าคน ไทยเป็นคนใจเย็น รักสงบ มีฝีมือเชิงศิลปะคำว่า
"ขนม" เข้าใจว่ามาจากคำสองคำที่มาผสมกันคือ "ข้าวหนม" และ
" ข้าวนม" เข้าใจว่าเป็นข้าวผสมน้ำอ้อย น้ำตาล โดยอนุโลมคำว่าหนม แปลว่า
หวาน ข้าวหนม ก็แปลว่า ข้าวหวาน เรียกสั้นๆ เร็วๆ ก็กลายเป็น ขนม ไป ส่วนที่ว่ามาจากข้าวนม
(ข้าวเคล้านม) นั้นดูจะเป็นตำนานแขกโบราณ อย่างข้าวมธุปายาส
(ที่นางสุชาดาทำถวายพระพุทธเจ้าเมื่อตอนตรัสรู้ก็ว่าเป็นข้าวหุงกับนม) คำว่า ขนม
มีใช้มาหลายร้อยปียากจะสันนิฐานแน่นอนได้ เช่นเดียวกับไม่มีหลักฐานยืนยันแน่นอนว่า
"ขนมไทย" เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยใดเป็นครั้งแรก
แต่ตามประวัติศาสตร์ไทยมีหลักฐานตอนหนึ่งว่า มีการจารึกชื่อขนมในแท่งศิลาจารึก
เป็นการจารึกแบบลายแทงสมัยโบราณ ขนมที่ปรากฏคือ " ไข่กบ
นกปล่อยบัวลอยอ้ายตื้อ"ถามผู้ใหญ่ดูถึง ได้รู้ว่า
ไข่กบ หมายถึง เม็ดแมงลัก นกปล่อย หมายถึง
ลอดช่อง บัวลอย หมายถึง ข้าวตอก อ้ายตื้อ หมายถึง ข้าวเหนียว
ขนมทั้งสี่ใช้น้ำกระสายอย่างเดียวกันคือ
" น้ำกะทิ" โดยใช้ถ้วยใส่ขนม ซึ่งเราเรียกการเลี้ยงขนม ๔ อย่างนี้ว่า "ประเพณี ๔
ถ้วย"
ขนมประเภทที่ใช้ข้าว(แป้ง)น้ำตาลมะพร้าวคงจะมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยาตอนต้นเพราะมีการติดต่อกับต่างประเทศกล่าวว่าในสมัย
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชมีท่านผู้หญิงของเจ้าพระยาวิชาเยนชร์บรรดาศักดิ์"ท้าวทองกีบม้า"ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับชาวพนักงานของหวานได้ประดิษฐ์
คิดค้นขนมตระกูลทองเพราะมีไข่ผสมคือ ทองหยิบ ทองหยอด ทองพลุ ฝอยทอง ทองโปร่ง
เป็นต้กาพย์เห่ชมเครื่องคาว-หวาน
บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๒
ที่ทรงพระราชนิพนธ์ ชมพระศรีสุริเยนทรา บรมราชชนนีด้วยกระบวนแต่งเครื่องเสวย
ที่ไม่มีผู้ใดจะเสมอได้ในครั้งนั้น ด้วยกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน ที่ไพเราะยิ่ง
ในฝีพระหัตถ์ด้วย
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)































