ขนมไทยหัตถกรรมความอร่อยที่แสดงออกถึงความอ่อนช้อยของความเป็นไทยตั้งแต่ครั้งอดีตกาลที่ก่อกำเนิดภูมิปัญญาไทยหลากหลายอย่างให้
สืบสานต่อทั้งวิถีชีวิตประเพณีวัฒนธรรมที่สามารถนำวัสดุมีอยู่ในท้องถิ่นมาปรุงแต่งเป็นของหวานได้มากหลายรูปแบบจัดเป็นมรดกทางวัฒน
ธรรมอย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่าคนไทยมีลักษณะนิสัยอย่างไรเพราะขนมแต่ละชนิดล้วนมีเสน่ห์แสดงให้เห็นถึงความละเอียดอ่อน
ประณีตวิจิตรบรรจง
ในรูปลักษณ์ตั้งแต่วัตถุดิบที่ใช้วิธีการทำที่กลมกลืนความพิถีพิถันสีที่ให้ความสวยงามมีกลิ่นหอมรสชาติของขนมที่ละเมียดละไมชวนให้รับ
ประทานแสดงให้เห็นว่าคน ไทยเป็นคนใจเย็น รักสงบ มีฝีมือเชิงศิลปะคำว่า
"ขนม" เข้าใจว่ามาจากคำสองคำที่มาผสมกันคือ "ข้าวหนม" และ
" ข้าวนม" เข้าใจว่าเป็นข้าวผสมน้ำอ้อย น้ำตาล โดยอนุโลมคำว่าหนม แปลว่า
หวาน ข้าวหนม ก็แปลว่า ข้าวหวาน เรียกสั้นๆ เร็วๆ ก็กลายเป็น ขนม ไป ส่วนที่ว่ามาจากข้าวนม
(ข้าวเคล้านม) นั้นดูจะเป็นตำนานแขกโบราณ อย่างข้าวมธุปายาส
(ที่นางสุชาดาทำถวายพระพุทธเจ้าเมื่อตอนตรัสรู้ก็ว่าเป็นข้าวหุงกับนม) คำว่า ขนม
มีใช้มาหลายร้อยปียากจะสันนิฐานแน่นอนได้ เช่นเดียวกับไม่มีหลักฐานยืนยันแน่นอนว่า
"ขนมไทย" เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยใดเป็นครั้งแรก
แต่ตามประวัติศาสตร์ไทยมีหลักฐานตอนหนึ่งว่า มีการจารึกชื่อขนมในแท่งศิลาจารึก
เป็นการจารึกแบบลายแทงสมัยโบราณ ขนมที่ปรากฏคือ " ไข่กบ
นกปล่อยบัวลอยอ้ายตื้อ"ถามผู้ใหญ่ดูถึง ได้รู้ว่า
ไข่กบ หมายถึง เม็ดแมงลัก นกปล่อย หมายถึง
ลอดช่อง บัวลอย หมายถึง ข้าวตอก อ้ายตื้อ หมายถึง ข้าวเหนียว
ขนมทั้งสี่ใช้น้ำกระสายอย่างเดียวกันคือ
" น้ำกะทิ" โดยใช้ถ้วยใส่ขนม ซึ่งเราเรียกการเลี้ยงขนม ๔ อย่างนี้ว่า "ประเพณี ๔
ถ้วย"
ขนมประเภทที่ใช้ข้าว(แป้ง)น้ำตาลมะพร้าวคงจะมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยาตอนต้นเพราะมีการติดต่อกับต่างประเทศกล่าวว่าในสมัย
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชมีท่านผู้หญิงของเจ้าพระยาวิชาเยนชร์บรรดาศักดิ์"ท้าวทองกีบม้า"ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับชาวพนักงานของหวานได้ประดิษฐ์
คิดค้นขนมตระกูลทองเพราะมีไข่ผสมคือ ทองหยิบ ทองหยอด ทองพลุ ฝอยทอง ทองโปร่ง
เป็นต้กาพย์เห่ชมเครื่องคาว-หวาน
บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๒
ที่ทรงพระราชนิพนธ์ ชมพระศรีสุริเยนทรา บรมราชชนนีด้วยกระบวนแต่งเครื่องเสวย
ที่ไม่มีผู้ใดจะเสมอได้ในครั้งนั้น ด้วยกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน ที่ไพเราะยิ่ง
ในฝีพระหัตถ์ด้วย



ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น